ดอกสว่านเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกับสว่าน ดอกสว่านมีหลายขนาด และหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งานนั้น ซึ่งหากแบ่งประเภทของดอกสว่าน สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือ ดอกสว่านเจาะไม้ ดอกสว่านเจาะปูน (คอนกรีต) และ ดอกสว่านเจาะเหล็ก (โลหะ)
ดอกสว่านเจาะไม้ โดยทั่วไปผลิตจาก เหล็กคาร์บอนต่ำ (low carbon steel) ไม่สามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้มากนัก เนื่องจากคมตัดของดอกสว่านจะถูกเสียดสีจนไหม้หรือละลาย ดอกสว่านประเภทนี้สามารถใช้เจาะวัสดุที่เนื้ออ่อนได้ เช่น ไม้ หรือพลาสติก โดยถูกออกแบบให้มีปลายแหลมยื่นออกมาอยู่ที่ปลายดอกสว่าน เพื่อเป็นตัวเจาะนำ ทำให้สามารถเจาะได้ตรงกับตำแหน่งที่เราทำสัญลักษณ์ไว้ และยังสามารถที่จะลับคมเองได้ง่าย เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น ดอกสว่านประเภทนี้ใช้คู่กับสว่านไฟฟ้า และมีราคาไม่แพง
ดอกสว่านเจาะเหล็ก(โลหะ) จะมีลักษณะเป็นเกลียวตัดตลอด ปลายดอกแหลมไว้สำหรับจิกชิ้นงาน โดยการใช้งานเจาะวัสดุในแต่ละประเภท ต้องคำนึงถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตดอกสว่าน เนื่องจากมีความทนทานที่ต่างกัน
o เหล็กคาร์บอนสูง (high carbon steel) สามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้ดีกว่าเหล็กคาร์บอนต่ำ ดังนั้นสามารถที่จะเจาะได้ทั้งไม้ พลาสติก และโลหะทั่วไปได้แต่ไม่แข็งมาก เมื่อใช้งานจนเกิดความร้อนแล้ว ส่วนคมของดอกสว่านอาจจะอ่อนตัวทำให้ความสามารถในการตัดแย่ลงได้
o เหล็กไฮสปีด (high speed steel- HSS) สามารถทนความร้อน และแรงเสียดทานที่สูงได้ ในขณะที่ทำการตัด โดยที่ยังคงความแข็ง ทำให้เจาะผ่านวัสดุได้รวดเร็วกว่าเหล็กคาร์บอน สามารถนำไปเจาะงานได้ทั่วไป ทั้งงานไม้ หรือเหล็ก แต่เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง จึงไม่นิยมนำมาเจาะไม้ หรือวัสดุเนื้ออ่อน
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีดอกสว่านอีกมากมายหลายประเภท ที่มีชื่อเรียกเฉพาะตามลักษณะพิเศษที่ใช้ในงานเฉพาะเจาะจง เช่น ดอกโรตารี่ (ใช้คู่กับสว่านโรตารี่ สำหรับเจาะคอนกรีต) ดอกสว่านสเต็ป ดอกสว่านเจาะกระจก ดอกสว่านมือพระ (ใช้สำหรับเจาะไม้) เป็นต้น
จากที่กล่าวมา จึงควรเลือกใช้วัสดุและประเภทของดอกสว่านให้เหมาะสมกับวัสดุที่ต้องการเจาะ เพื่อให้เกิดผลงานที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุด.